ทุกพัฒนาการมีลำดับขั้น มีปัจจัยที่ส่งเสริม ทักษะ EF ก็เช่นเดียวกัน
มาทำความเข้าใจความหมาย ความสำคัญ ลำดับขั้นพัฒนาการ ปัจจัยส่งเสริม องค์ประกอบ และวิธีส่งเสริม ทักษะ EF ในบทความนี้กันค่ะ
ทักษะ EF คือ “ทักษะสมองที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จ” เป็นการคิดเชิงบริหารจัดการ ใช้ความคิดขั้นสูงที่ทุกคนจำเป็นต้องฝึก เพื่อที่จะทำให้เติบใหญ่ไปเป็นบุคคลสามารถจัดการความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม กำกับตนเอง และนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จได้
ถ้าเปรียบสมองเป็นบริษัท สมองส่วน EF คือตำแหน่งผู้บริหาร/ประธานบริษัท บริษัทจะเติบโตและกลายเป็นบริษัทที่มั่นคงได้ ก็ต้องอาศัยคำสั่งที่มีประสิทธิภาพและการทำงานอย่างเป็นระบบจากผู้บริหาร ถ้าบริษัทไหนมีผู้บริหารที่ไม่มั่นคง ไม่อดทน ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของบริษัทได้ บริษัทนั้นคงล้มละลายอย่างไม่เป็นท่าแน่นอน ดังนั้น ผลประกอบการ (MQ, IQ, EQ, SQ) ในแต่ละไตรมาสหรือการเติบโตของบริษัทจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางและการตัดสินใจจากท่านประธานนั่นเอง
เพราะทักษะ EF คือรากฐานของความสำเร็จ
ในการอ่านหนังสือ เราจำพยัญชนะ และวิธีการประสมคำได้ เราใช้ความจำนั้นประมวลผลร่วมกับตัวหนังสือที่เห็นตรงหน้า จึงสามารถอ่านเข้าใจได้ ในดนตรีเปรียบได้กับการบรรเลงโดยการอ่านโน้ต
หรือ การจำเสียงตัวโน้ต โด เร มี ได้ เมื่อได้ยินทำนอง เช่น มีเรโดเรมีมีมี (ทำนองเพลงหนูมาลี) ก็สามารถเล่นตามได้โดยไม่ต้องอ่านโน้ต หรือดูตัวอย่าง
ในการเล่นดนตรี การควบคุมจังหวะให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับเพลง ถือเป็นสิ่งจำเป็น เด็กๆ จะได้ฝึกควบคุมตัวเองให้เคลื่อนไหวตรงจังหวะเพลง หรือหยุดรอ ในขณะที่ยังไม่ถึงคิว
เช่น เพลง Walk and You Walk and You Walk and You Stop!, เพลง Move and Freeze
ในเพลง หนึ่งเพลง เด็กๆสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย เช่น เพลง แมงมุมลายตัวนั้น
ครั้งที่ 1 ร้องเพลง
ครั้งที่ 2 ทำท่า
ครั้งที่ 3 สร้างเสียงแมงมุมร่วง เสียงแดดออกน้ำแห้ง โดยใช้เครื่องดนตรี
การใช้กิจกรรมที่หลากหลาย และการสร้างเสียงตามจินตนาการ จะช่วยให้เด็กๆ ยืดหยุ่น และมีความคิดสร้างสรรค์
โดยธรรมชาติ เด็กๆ มักชอบเสียงดนตรีอยู่แล้ว และยิ่งถ้าเขาได้เคลื่อนไหวร่างกาย เป็นเรื่องราวเดียวกับเสียงดนตรี ได้สร้างสรรค์เสียงดนตรีให้เข้ากับเพลง จะทำให้เขาสนุกและจดจ่อกับกิจกรรมได้นานขึ้น เป็นการส่งเสริมการจดจ่อ ใส่ใจ
การที่เราจะจัดการกับอารมณ์ได้ดีนั้น จำเป็นที่เราจะต้องรู้จักกับอารมณ์นั้นซะก่อน ว่ารู้สึกแบบนี้นะคือสนุก แบบนี้คือเศร้า แบบนี้คือตื่นเต้น
ด้วยตัวดนตรี มีจังหวะ ทำนอง และโทนเสียงที่หลากหลาย ทำให้สามารถสร้างความรู้สึกต่างๆ ได้ เช่น สนุก เศร้า โกรธ ดนตรีจึงถือเป็นสื่อที่ดีในการให้เด็กๆ รู้จัก และเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์
และอีกเรื่องที่ช่วยฝึกเรื่องการควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ก็คือการฝึกซ้อมดนตรี ตามตาราง แม้จะขี้เกียจหรือเหนื่อยแค่ไหน
ในการซ้อม เราจะได้ทบทวนและประเมินตนเองว่า เราพัฒนาไปหาเป้าหมายหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน
หรือ การเล่นของเรา ถ้าเปรียบเทียบกับต้นแบบแล้ว มันมีอะไรที่ดีแล้ว อะไรที่ควรปรับ หรืออะไรที่คิดต่าง
ขอรวม 3 ทักษะ นี้ไว้ด้วยกัน เพราะแต่ละทักษะ ส่งผลสืบเนื่องกัน หากเขามีเป้าหมายชัด เขาก็จะเริ่มวางแผน จัดระบบ ลงมือทำได้ด้วยตัวเอง และบากบั่นทำจนกว่าจะถึงเป้าหมาย
เช่น
การจะพัฒนาทักษะ EF ได้ดี เด็กควรมีพัฒนาการพื้นฐาน ที่แข็งแรงก่อน เริ่มด้วยพัฒนาการตัวตน พัฒนาการ 4ด้าน เมื่อพื้นฐานแข็งแรงดีแล้วค่อยมาเน้นพัฒนาทักษะ EF โดยขั้นทั้งหมดไม่ได้แยกขาดจากกัน กล่าวคือ เมื่อมีพัฒนาการตัวตน พัฒนาการ 4ด้านที่ดี จะเอื้อให้พัฒนาทักษะ EF ได้ดี และในขณะเดียวกันการที่มีพัฒนาการทักษะ EF ที่ดี ก็จะไปเสริมให้พัฒนาการตัวตน และพัฒนาการ 4 ด้านดีเพิ่มขึ้นไปอีก
พัฒนาการตัวตน
**พฤติกรรมเด็ก 0-6 ปี และวิธีที่พ่อแม่ควรรับมือ หากพ่อแม่เข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรมตามวัย และตอบสนองได้เหมาะสม จะทำให้ลูกมีพัฒนาการตัวตนที่ดี**
พัฒนาการ 4 ด้าน
ทักษะ EF
สายสัมพันธ์ที่ดี + สถานการณ์ท้าทาย => เกิดทักษะ EF
สายสัมพันธ์ที่ดี จะทำให้พัฒนาการตัวตนลูกดี ซึ่งนั่นคือฐานของพัฒนาการทักษะ EF และด้วยความรัก ความผูกพันนี้จะทำให้ลูกรักดี และมีเป้าหมายเดียวกับพ่อแม่ ซึ่งนั่นคือ ความต้องการสูงสุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ใช่หรือไม่
ส่งเสริมได้โดย
สถานการณ์ท้าทาย ทักษะ EF จะไม่ถูกใช้งานเลย หากเด็กไม่ต้องคิด หรือมีผู้ช่วย คอยจัดเตรียม และคอยแก้ปัญหาให้เขาตลอด แต่ทักษะ EF ถูกใช้งานก็ต่อเมื่อ เด็กๆ อยู่ในสถานการณ์ท้าทาย
ส่งเสริมได้โดย
สายสัมพันธ์
สุขภาพร่างกาย
สถานที่
กิจกรรม
มี 9 ด้าน จัดแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มพื้นฐาน กลุ่มกำกับตัวเอง และกลุ่มปฎิบัติ โดยละเอียด
1.1 Working Memory
(ความจำใช้งาน) คือ การจำข้อมูล 1 ชุด พร้อมกับประมวลร่วมกับข้อมูลอีก 1 ชุด
การมี Working Memory ที่ดี
สัญญาณเตือน
1.2 Inhibitory Control
(การยั้งคิดไตร่ตรอง) คือ การยับยั้งการกระทำจากสิ่งล่อใจ หรือความเคยชินได้ และเลือกทำในสิ่งที่เหมาะสม
การมี Inhibitory Control ดี
สัญญาณเตือน
1.3 Cognitive Flexibility
(การยืดหยุ่นความคิด) คือ การปรับเปลี่ยนมุมมอง การสับเปลี่ยนความคิด
การมี Cognitive Flexibility ดี
สัญญาณเตือน
2.1 Focus
(การจดจ่อ) คือการมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าอยู่ได้ช่วงเวลาหนึ่ง หรืออาจเรียกได้ว่า Focus เป็นบันไดขั้นที่ 2 ต่อจาก Inhibitory Control ก็ว่าได้
การมี Focus ดี
สัญญาณเตือน
2.2 Emotion Control
(การควบคุมอารมณ์) คือ จัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ และแสดงพฤติกรรมออกมาอย่างเหมาะสม
การมี Emotion Control ดี
สัญญาณเตือน
2.3 Self-Monitoring
(การประเมินตนเอง) คือ การประเมินตัวเองเพื่อหาจุดที่ทำดีแล้ว และจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข
การมี Self-Monitoring ดี
สัญญาณเตือน
3.1 Initiating
(การริเริ่มลงมือทำ) คือ การลงมือทำด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใครคอยบอก หรือบังคับ
การมี Initiating ดี
สัญญาณเตือน
3.2 Planning
(การวางแผน) คือ เมื่อมีเป้าหมายก็วางแผน และ จัดลำดับความสำคัญ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
การมี Planning ที่ดี
สัญญาณเตือน
3.3 Goal-Directed Persistence
(การมุ่งเป้าหมาย) คือ การพยายามต่อสู้บากบั่น แม้เจออุปสรรคล้มลง ก็ลุกขึ้นมาสุ้ต่อ ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงเป้าหมาย
การมี Goal-Directed Persistence ที่ดี
สัญญาณเตือน